นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโดยเฉพาะในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยคงหนีไม่พ้น การสอบ Onet, Gat หรือ ข้อสอบสามัญทั่วไป จำนวน 9 วิชาสามัญ หรือที่มักจะเรียกว่า สอบเอ็นทรานซ์ ไม่ว่านักเรียนมีความสนใจในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งใด หรือ คณะใดก็ตาม วิชาภาษาอังกฤษ ถือเป็นวิชาที่นักเรียนทุกคนจะต้องสอบ เช่น การสอบ Admission GAT นักเรียนต้องมีคะแนนสอบอย่างน้อย 10% O-net 6% แม้แต่การสอบเข้าหมอจำต้องใช้ภาษาอังกฤษ 14 % มากกว่าวิชาฟิสิกส์ เคมี ในส่วนของการสอบเข้าตรงทุกมหาลัย หากไม่ใช้ GAT ก็ใช้คะแนนวิชาสามัญอังกฤษ นักเรียนสามารถเล็งเห็นได้ว่า วิชาภาษาอังกฤษนั้นมีความสำคัญมากขนาดไหนในการสอบ เพราะฉะนั้นเราต้องทำวิชาภาษาอังกฤษให้เป็นตัวช่วยในการสอบ วันนี้เรามีข้อมูลดีดีในการเตรียมตัวสอบและวิธีการเอาตัวรอดในการสอบ วิชา ภาษาอังกฤษ มาแนะนำน้องๆ
ข้อสอบ GAT เวลาทำข้อสอบ 1 ชั่วโมง 30 นาที จำนวน 60 ข้อ คะแนนเต็ม 150 คะแนน แบ่งหัวข้อการสอบ 4 ส่วน Part I: Expressions (1-15) ในส่วนของพาร์ทแรกจะเป็นข้อสอบ Conversation การพูดคุย ตอบโต้ สนทนาพาร์ทนี้น้องๆควรไปศึกษาในเรื่องพวกกลุ่มคำศัพท์ สำนวน และ ประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน Part II: Vocabulary (16-30) พาร์ทสองจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ Meaning in Context และ Meaning Recognition 1. Meaning in Context คือ การหาคำเหมือนที่ตรงกับคำศัพท์ที่ถูกขีดเส้นใต้ไว้ในโจทย์ โดยข้อสอบจะมี 4 ตัวเลือก 2. Meaning Recognition คำศัพท์ในโจทย์และตัวเลือกจะเป็นคำศัพท์เดียวกันและถูกขีดเส้นใต้เอาไว้ โดยที่ผู้สอบจะต้องหาว่าตัวเลือกไหนมีความหมายตรงกับโจทย์มากที่สุด การทำข้อสอบในส่วนนี้ผู้สอบจะต้องมีความรู้ในด้านคำศัพท์และความหมายของทั้งคำศัพท์และประโยคนั้นๆ เป็นอย่างดี ซึ่งคำศัพท์ส่วนใหญ่ที่ถูกใช้ในข้อสอบนั้นมักจะเป็นคำศัพท์ที่ค่อนข้างยาก หรือ คำศัพท์ที่เรามักจะไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นผู้สอนจำเป็นต้องเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้สอบเฉพาะทาง และ คำศัพท์ที่มีความหมายคล้ายคลึงกับคำศัพท์อื่นๆที่เรามักจะใช้ในชีวิตประจำวัน Part III: Read (31-45) พาร์ทที่สามข้อสอบจะเป็นในรูปแบบจำพวกป้ายประกาศ ป้ายโฆษณา ซึ่งจะมีทั้งโจทย์เป็น 2 ป้าย หรือ เป็นการ์ตูน 3 ช่อง มี 3 บทความ (2บทความหมายแรกจะมีความยาวครึ่งหน้ากระดาษ อีกบทความจพะมีความยาวประมาณ 1 หน้าครึ่งกระดาษ) สำหรับคำถามจะถามถึงความเข้าใจของบทความที่ได้อ่านไป Part IV: Structure and Wring (46-60) พาร์ทสุดท้ายจะเป็น Error Identification โจทย์จะมีประโยคมาให้เราทำ 6 ประโยค โดยผู้สอบจะเป็นผู้เรียงลำดับประโยค จาก 1-6 ให้ถูกต้อง ข้อสอบ O-net นักเรียนมีเวลาทำข้อสอบภายในเวลา 2 ชั่วโมง ข้อสอบ Onet จะแบ่งเป็น 3 ส่วน Part I: Use and Usage (35ข้อ) - ข้อ 1-10: Dialog completion การสร้างบทสนทนาภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยผู้สอบจะต้องอประโยคที่มีความหมายสอดคล้องกับประโยคที่กำหนดมาให้ - ข้อ 11-15: Situation Dialogs เป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ผู้สอบต้องเลือกประโยคที่มีความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ให้มากที่สุด - ข้อ 16-25: Sentence Completion การเติมคำให้ประมีความสมบูรณ์แบบ หัวข้อนี้จะเน้นในทางหลักไวยกรณ์ - ข้อ 26-35: Error Correction โจทย์จะให้บทความสั้นมาหนึ่งบทความ โดยจะมีการขีดเส้นใต้ ณ คำที่ผิดหลักไวยกรณ์ หรือ การใช้คำศัพท์ที่ไม่ถูกต้องตามความหมาย ในแต่ละข้อผู้สอบจะต้องเลือกคำตอบที่มีความถูกต้องและเหมาะสมในประโยคมากที่สุด เพื่อทำให้บทความสมบูรณ์แบบ Part II: Writing Ability - ข้อ 36-45: ผู้สอบต้องเลือก คำศัพท์ วลี หรือ เติมคำในช่องว่างให้ประโยค เพื่อให้บทความสั้นมีความสมบูรณ์แบบและถูกต้อง Part III : Reading Ability - ข้อ 46-50: การเลือกคำให้ถูกต้อง เหมาะสมกับประโยค Reading Comprejension - ข้อ 51-80: อ่านข้อความ หรือ บทความ และเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดในการตอบคำถามจากความเข้าใจจากการอ่าน ข้อสอบวิชาสามัญ (80ข้อ/100คะแนน) ผู้สอบมีเวลาในการทำข้อสอบ 1 ชม. 30 นาที Part 1: Listening and Speaking จำนวน 20 ข้อ พาร์ทหนึ่งจะเกี่ยวกับ บทสนทนา มีความคล้ายคลึงกับข้อสอบ GAT แต่ข้อสอบสามัญจะมีความยาวและยากกว่า Part 2: Reading จำนวน 40 ข้อ การอ่านทำความเข้าใจบทความ, กราฟ, โฆษณา, ประกาศ, จดหมาย, หนังสือพิมพ์, เรื่องขำขัน Part 3: Writing จำนวน 20 ข้อ การเติมประโยคมให้ความหมายสมบูรณ์ และ เรียงประโยคให้ถูกต้อง อีกหนึ่งความสำคัญในการทำข้อสอบ เมื่อผู้สอบเข้าใจในตัวข้อสอบแล้ว ต่อจากนี้ ผู้สอบจะต้องแบ่งเวลาในการทำข้อสอบแต่ละพาร์ท โดยแต่ละพาร์ทผู้สอบควรจะแบ่งเวลาที่เหมาะสมในการทำข้อสอบ เพื่อผู้สอบจะได้ทำข้อสอบเสร็จภายในเวลา และ ยังมีเวลาทบทวน รวมไปถึง เมื่อผู้สอบทราบถึงหัวข้อที่ผู้สอบจะได้เจอ ผู้สอบจะรู้ว่า ตนเองนั้นต้องเตรียมอ่าน หรือ ทบทวน ส่วนได้เป็นพิเศษหรือไม่ อย่างเช่น - จำพวกโครงสร้างประโยค: ประโยคหน้า และ ประโยครอง / คำเชื่องระหว่างประโยค - กริยา: การผันกริยาตามช่วงเวลา ตามหลักไวยกรณ์ Tense ข้อสอบมักจะออกเป็น Past Perfect Tense+ Past Simple Tense / Past Simple Tense + Past continuous Tense - คำเชื่อม: คำเชื่อมบางคำ จะตามด้วย คำนาม หรือ Gerund แต่ คำเชื่อมบางคำจะตามด้วย Clause มักจะมี of, to อยู่ด้านหลังของ preposition เช่น because of, due to - การสร้างคำ: ต้องเรียนรู้ถึงหน้าที่ และ ตำแหน่งในแต่ละโยคจาก Part of Speech - การเลือกใช้คำศัพท์ให้ถูกต้องในประโยค โดยข้อสอบมักจะนำคำที่มีความหมาย และ รูปแบบคำ คล้ายคลึง มาหลอกล่อเรา เทคนิคการทำข้อสอบและการบริหารเวลาการทำข้อสอบ
อย่าลืมทบทวน ฝึกทำข้อสอบภาษาอังกฤษ และ ลองจับเวลาในการทำข้อสอบ หากพาร์ทใดที่นักเรียนคิดว่า ตัวเองยังต้องฝึก ก็พยายามฝึกฝนไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งฝึก ยิ่งอ่านมาก เราก็ยิ่งมีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นด้วย หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อน้องๆทุกคน
หากท่านใดสนใจคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ หรือ ติวสอบ กับ ครูต่างชาติ โดย สถาบันกวดวิชา อีดูเคชั่น เซ็นเตอร์ อ่างทอง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 09-900-900-96 คุณแก้ว หรือ ติดต่อ อ่านรายละเอียด ทางเว็บไซด์ www.educationcenterthailand.com
0 Comments
Leave a Reply. |
|